Saladpuk.com
🏆 เนื้อหาหลัก
🏆 เนื้อหาหลัก
  • 💖สลัดผัก
  • 📰มีอะไรใหม่บ้าง
    • 2020
      • 2020-11
      • 2020-10
      • 2020-09
      • 2020-08
      • 2020-03
      • 2020-02
      • 2020-01
    • 2019
      • 2019-12
      • 2019-11
      • 2019-10
      • 2019-09
      • 2019-08
  • 🤔อ่านเรื่องไรดี ?
  • มือใหม่หัดเขียนโค้ด
    • 👶เขียนโค้ดด้วยภาษา C#
      • เกิดมาไม่เคยเขียนโค้ดมาก่อนเบย
      • 👶พื้นฐาน
        • 1.โปรแกรมที่ต้องลง
        • 2.โครงสร้างของโค้ด
        • 3.ชนิดของข้อมูล
        • 4.การสร้างตัวแปร
        • 5.คำสั่งพื้นฐาน
        • 6.การแปลงข้อมูล
        • 7.การเปรียบเทียบค่า
        • 8.การตัดสินใจด้วย IF statements
        • 9.การตัดสินใจด้วย Switch statements
        • 10.การทำงานซ้ำๆด้วย While
        • 11.การทำงานซ้ำๆด้วย Do While
        • 12.การทำงานซ้ำๆด้วย For
        • 13.การแก้โจทย์จากรูป
        • 14.มารู้จักกับ Array กัน
      • 🧑ระดับกลาง
        • 15.Value type vs Reference type
        • 16.ลดงานซ้ำๆด้วย Method
        • 17.มารู้จักกับ Class & Field กัน
        • 18.มารู้จักกับ Constructor กันบ้าง
        • 19.มาเขียน Method ใน Class กัน
        • 20.มารู้จักกับ Property กัน
        • 21.ลองใช้คลาสแบบจริงจังบ้าง
        • 22.การสืบทอด Inheritance
        • 23.Polymorphism
        • 24.Abstract Class
        • 25.Interface
        • 26.Namespace
        • 27.Enum
        • 28.Exception handler
        • 29.ลงลึกกับ string
        • 30.StringBuilder เพื่อนคู่ string
      • 👨⏳ระดับสูง
        • Generic
        • Delegates
        • Action & Func
        • Lambda expression
        • LINQ
        • พระคัมภีร์การใช้คำสั่ง LINQ
      • 💡Tips
        • 💡C# version 8.0
        • 💡Boxing & Unboxing
    • 👶Algorithm
      • 👾Algorithm Big-O
      • 👽Algorithm P & NP
    • 👦OOP
      • 💖Abstraction
      • 💖Encapsulation
      • 🏆Abstraction & Encapsulation
      • 💖Inheritance
      • 💖Polymorphism
      • 🏆Inheritance & Polymorphism
      • 📝ลองเขียน OOP ดูดิ๊
      • 👑OOP + Power of Design
      • 🥰เทคนิคในการออกแบบ
    • 👶บทสรุปฐานข้อมูล
      • เก็บรูปในฐานข้อมูล
      • Database indexing
      • การลบข้อมูล
    • 👦Communication Patterns
    • 👦Design Patterns
      • 🤰Creational Patterns
        • 🏭Factory Method
        • 🏭Abstract Factory
        • ☝️ Singleton Pattern
        • 🏗️ Builder Pattern
        • 🎎Prototype Pattern
      • 🧱Structural Patterns
        • 🔌Adapter Pattern
        • 📪Proxy Pattern
  • Puzzle
    • 🧠Challenges
      • 🐴Google ม้า 25 ตัว
      • 🌉Amazon เสา 2 ต้น
      • 🥇ทองเก๊
      • 💊ยาต้านโควิด
      • 🎩CP หมวก 5 ใบ
      • 🧓Einstein's Riddle 01
  • พื้นฐานที่ควรต้องรู้
    • 🐳Docker
      • 📦Docker Containers
      • 🃏Docker Exercise 01
      • 🛠️ Docker Tools
      • 🗃️ Docker Registry
      • 🖼️ Container Image
      • 📢Docker Push
      • 🔄WSL
    • 👶Clean Code
      • 🧓Uncle Bob - Clean Code
      • 🧓Uncle Bob - Comments
      • 🧓Uncle Bob - Naming
      • 🧓Uncle Bob - Mindset
      • 🧓Uncle Bob - TDD
    • 👶Code Smells
    • 👶สิ่งที่คนเขียนโค้ดมักเข้าใจผิด
    • 👶AI พื้นฐาน
    • 👶Git พื้นฐาน
      • Git branching strategy
    • 👶Cloud พื้นฐาน
    • 👶UML พื้นฐาน
      • Activity Diagram
      • Class Diagram
      • Sequence Diagram
      • Use case Diagram
      • บทสรุปการใช้ UML
    • 👶Data Scientist
      • การเลือก Algorithms ให้ AI (1/5)
      • การเตรียมข้อมูลให้ AI (2/5)
      • หลักการตั้งคำถามให้ AI (3/5)
      • แฉความลับของ AI Model (4/5)
      • หัดเขียน AI จาก AI ของคนอื่น (5/5)
    • 👶DevOps พื้นฐาน
    • 👶Docker ขั้นพื้นฐาน
      • Image and Container
      • แชร์ Docker Image ที่สร้างไว้
    • 👶Microservices พื้นฐาน
      • Microservices ที่ดีมีลักษณะยังไง
      • Microservices Tips
      • จาก Monolith สู่ Microservices
    • 👶ความรู้พื้นฐานในการทำเว็บ
    • 👦Bottlenecks of Software
      • หัวใจที่สำคัญที่สุดของฐานข้อมูล
    • 👦Agile Methodology
      • Agile in a Nutshell
      • Software Development Life Cycle
      • Code Review
    • 👦Security พื้นฐาน
      • การเก็บรหัสผ่านที่ถูกต้อง
      • Security in actions
        • Hash function
      • Security Principles
      • 😎The Matrix 1
      • 😎The Matrix 2
      • HTTPS in a nutshell
    • 👦SOLID Design Principles
      • มารู้จักกับ SOLID กันดีกว่า
      • Single-Responsibility Principle
      • Open/Closed Principle
      • Liskov Substitution Principle
      • Interface Segregation Principle
      • Dependency-Inversion Principle
  • Cloud Computing
    • 👶Microsoft Azure 101
      • สมัคร Microsoft Azure
      • รู้จักกับ Resource Groups
      • สร้างเว็บตัวแรกกัน
      • สร้าง Virtual Machine กัน
      • ประเภทของคลาว์เซอร์วิส
      • มาสร้าง Logic App กัน
      • มาสร้าง Function App กัน
      • คลาว์คิดเงินยังไง ?
      • Cloud Native
      • Guideline for Cloud scaling
      • Auto Scaling
    • 👶Azure App Services
    • 👶App Service Plan
    • 👶Azure Storage
      • Blob storage
        • ลองสร้างที่เก็บไฟล์กันเลย
        • เข้าใจ Blob storage ให้มากขึ้น
        • ลองเขียนโค้ดอัพโหลดไฟล์กันบ้าง
        • สร้างเว็บจากที่ฝากไฟล์บนคลาว์
    • 👶Azure Bot Service
      • Bot เข้าใจเราได้ยังไงกันนะ
    • 👶Azure Cognitive Services
      • การสร้าง Cognitive Services
      • การ Login ด้วยใบหน้า
      • อ่านลายมือจากรูปเป็นตัวอักษร (OCR)
      • เขียน AI แยกของต่างๆทำยังไง?
      • เขียนแอพ ทายอายุ บอกเพศ ง่ายจิ๊ดเดียว
      • เขียนแอพให้ AI อธิบายรูปเป็นภาษาคน
    • 👶Machine Learning Studio
      • มาสร้าง AI ของแท้ตัวแรกของเรากัน
      • สร้าง AI ตัดสินใจอนุมัติบัตรเครดิต 💳
      • ลองเรียกใช้ AI ของเรากัน
    • 👶Azure Service Fabric
      • สร้าง Service Fabric กัน
    • 👶Blockchain
      • Blockchain ทำงานยังไง ?
      • Consensus Algorithm คืออะไร ?
      • สร้าง Blockchain ใช้เองกัน !
      • หัดเขียน Smart Contract กัน
    • 👶Power BI
    • 👶Azure Web App
      • เซิฟเวอร์บนคลาว์ ราคา? ต่าง?
    • 👶Azure DevOps
      • เล่น Azure DevOps กัน
      • เล่นกับ Repository
      • ลองทำ Continuous Integration (CI)
      • ลองทำ Continuous Delivery (CD)
      • เล่น Kanban Board
    • 🤠Cloud Playground
      • การป้องกันความลับหลุดตอนที่ 1
      • การป้องกันความลับหลุดตอนที่ 2
      • การป้องกันความลับหลุดตอนที่ 3
      • การป้องกันความลับหลุดตอนจบ
  • Software Testing
    • 👦Test-First Design
    • 👦Test-Driven Development
      • 1.มารู้จักกับ TDD กันดีกว่า
      • 2.Test cases เขาเขียนกันยังไงนะ
      • 3.เครื่องมือในการทดสอบ
      • 4.การใช้ Theory และ InlineData
      • 5.โค้ดที่ทดสอบได้
      • 6.Mantra of TDD
      • 7.Functional & None-Functional testing
      • 8.Manual vs Automation testing
      • 9.Automation Frameworks in .NET
      • 10.Mock Framework
      • 11.มาเรียนการใช้ Moq กันเถอะ
      • 12.สรุป
  • Web
    • 👦Web API
      • 1.Web API คืออะไร
      • 2.ติดตั้ง .NET Core SDK
      • 3.สร้าง Web API ตัวแรกกัน
      • 4.Verbs
      • 5.Swagger เพื่อคู่ API
      • 6.การใช้ Model
      • 7.เรียก Web API ผ่าน Postman
      • 8.มาจัดกลุ่ม API กัน (1/2)
      • 9.มาจัดกลุ่ม API กัน (2/2)
  • Software Design
    • 🤴Design Patterns
      • 🦈Creational patterns
        • Abstract Factory
        • Builder
        • Factory Method
        • Prototype
        • Singleton
      • 🦈Structural patterns
        • Adapter
        • Bridge
        • Decorator
        • Facade
        • Proxy
      • 🦈Behavioral patterns
        • Chain of Responsibility
        • Command
        • Iterator
        • Mediator
        • Memento
        • Observer
        • State
        • Strategy
        • Template Method
        • Visitor
Powered by GitBook
On this page
  • 🧐 โจทย์
  • 🧒 แก้โจทย์ครั้งที่ 1
  • 🧒 แก้โจทย์ครั้งที่ 2
  • 🔥 วิเคราะห์ปัญหา
  • 🔥 แก้ไขปัญหา
  • 🤔 Adapter Pattern คือไย ?
  • 💡 หลักในการคิด
  • 😎 Perfect Adapter
  • 🎯 บทสรุป
  • 👍 ข้อดี
  • 👎 ข้อเสีย

Was this helpful?

Export as PDF
  1. มือใหม่หัดเขียนโค้ด
  2. Design Patterns
  3. Structural Patterns

Adapter Pattern

แนวคิดในการเปลี่ยนสิ่งที่ทำงานร่วมกันได้ยาก มาทำงานร่วมกันได้ง่ายๆ 😘

PreviousStructural PatternsNextProxy Pattern

Last updated 4 years ago

Was this helpful?

เจ้าตัวนี้ผมขอตั้งชื่อเป็นภาษาไทยว่า ผู้เชื่อมสัมพันธ์ ละกัน ซึ่งมันอยู่ในกลุ่มของ โดยเจ้าตัวนี้จะมาช่วยแก้ปัญหาเมื่อ เรามีของ 2 อย่างที่ทำงานด้วยกันได้ค่อนข้างยาก แต่เราก็อยากให้มันทำงานด้วยกันได้โดยไม่ทำให้โค้ดเราซับซ้อนเกินไป พูดแล้วก็ งงๆ ไปดูโจทย์ของเรากันเลยดีกว่าจะได้เข้าใจได้เร็วขึ้น

แนะนำให้อ่าน บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของมหากาพย์ Design Patterns ที่จะมาเป็น guideline ในการแก้ปัญหาในการออกแบบซอฟต์แวร์โปรเจค หากใครสนใจอยากเข้าใจตั้งแต่ต้นว่ามันคืออะไร และเจ้า patterns ทั้ง 23 ตัวมีอะไรบ้าง ก็สามารถจิ้มตรงนี้เพื่อไปอ่านบทความหลักได้เบยครัช

หมายเหตุ เนื้อหาของบทความนี้จะเน้นให้เข้าใจหลักการทำงานของ Design Patterns แต่ละตัว โดยภาพจากเกม Ragnarok เป็นการอธิบาย ซึ่งหลายๆอย่างนั้นมโนขึ้นมาเพื่อความสนุก และทำให้เข้าใจเนื้อหาได้ง่าย Gravity อย่ามาจับผมนะผมโดนแมวน้ำครอบงำ + รู้เท่าไม่ถึงการ + ผมเป็นคนดี + ผมมีลูกมีเมียมีสามีที่ต้องดูแล 😭

🧐 โจทย์

สมมุติว่าเรารับงานเว็บทายผลบอลทุกคู่ทั่วโลกเพื่อความบันเทิงมา (ไร้ซึ่งการพนันใดๆทั้งสิ้น 🤐) โดยเมื่อบอลแข่งเสร็จ ตัวเว็บของเราก็ต้องไปดึงผลการแข่งขันจาก Web API ชั้นนำ 2 แห่งนั่นคือ LongOnGoal, LifeScore ตามรูปด้านล่าง

🤔 ทำไมต้องดึงมาจากหลายเว็บเหรอ? ก็บางเว็บมีผลการแข่งเฉพาะคู่เล็กๆ บางเว็บมีผลเฉพาะคู่ใหญ่ๆ และบางทีเราก็อาจจะต้องตรวจสอบว่าผลมันตรงกันหรือเปล่า เพื่อที่จะได้จ่าย... เอ้ย ให้แต้มคนที่ทายถูกได้นั่นเอง 😅 (ส่วนแต้มต่อก็ ... ช่างมันเถอะ 🤐)

เท่าที่อ่านๆมาก็เหมือนจะง่ายๆเนอะ แค่ไปดึง API จากเว็บ 2 ตัวมาก็จบแล้วชิมิ ไหนลองไปดู API สำหรับ ดึงผลคะแนน ของเขาดูดิ๊

🤯 บรึ๊ม!! แม้ว่าจะเป็นเว็บผลคะแนนบอลเหมือนกันแต่ API เรียกใช้ไม่เหมือนกัน, parameters ต่างกัน, models ต่างกัน แล้วแบบนี้เราจะเขียนโค้ดยังไงดีเนี่ย? 😵

🧒 แก้โจทย์ครั้งที่ 1

อย่าไปคิดเยอะดิ ก็เขียนๆมันไปเลยจะยากอะไร อย่างแรกเลยก็เขียนไปดึงข้อมูลกับ LongOnGoalAPI มาเก็บไว้ แล้วก็ดึงจาก LifeScoreAPI มา สุดท้ายก็เอา 2 ตัวนี้มาเทียบกันก็จบละนิ ป๊ะโถ่วววว

var result1 = longOnGoalAPI.GetMatchResult(1234);
var result2 = lifeScoreAPI.GetHistory(DateTime.Now, "ManU", "Liver");

🤔 ก็เหมือนจะง่ายนะ แต่เราลืมอะไรไปป่ะว่า model ที่ได้กลับมามันไม่เหมือนกัน แล้วจะเปรียบเทียบยังไงอ่ะ?

😎 งั้นก็ขอเขียนโค้ดแปลง model ทั้ง 2 ตัวไว้ตรงนี้เลยละกัน จะได้เทียบกันได้ง่ายๆ ตามด้านล่าง

var homeScoreFromResult1 = // หาคะแนนของทีมเหย้า จาก LongOnGoalAPI
var awayScoreFromResult1 = // หาคะแนนของทีมเยือน จาก LongOnGoalAPI

var homeScoreFromResult2 = // หาคะแนนของทีมเหย้า จาก LifeScoreAPI
var awayScoreFromResult2 = // หาคะแนนของทีมเยือน จาก LifeScoreAPI

จากโค้ดด้านบนก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนะ แก้โจทย์ที่ของเราได้ตามปรกติเลย แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้า เราเพิ่ม Web API ตัวที่ 3, 4, 5 ... เข้ามาล่ะ? เราก็ต้องไปไล่แก้โค้ดใหม่ทุกครั้งอะดิ แถมยิ่งแก้ยิ่งพันกันเป็นสปาเก็ตตี้ขึ้นไปเรื่อย 😨

เพราะโค้ดของเรามันมีหลายอย่างที่ไม่ตรงหลักในการออกแบบที่ดี เช่น SRP, OCP, DIP ยังไงล่ะ

🥴 อาวล่ะแม้ว่ามันจะมีปัญหาในอนาคตก็ตาม แต่อย่างน้อยเราก็ได้เห็นตัวอย่างในการบ้าพลัง เห็นโจทย์แล้วเมากาวกระโดดลงโค้ดเลย ผลก็คือ Design แบบกาวๆเหล่านั้นจะมีปัญหาในอนาคตนั่นเอง งั้นเดี๋ยวลองวางสมอง แล้วเติมน้ำหอมกันหน่อย เพื่อวิเคราะห์ปัญหาแล้วหาทางแก้ไขกันต่อ

🧒 แก้โจทย์ครั้งที่ 2

🔥 วิเคราะห์ปัญหา

โจทย์ในรอบนี้ไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลย แต่ความยากของมันกลับไปตกอยู่ที่ งานที่ต้องเชื่อมกับคนอื่น หรือตัว Web API ต่างๆเพราะ มันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ว่าเขาจะออกแบบมายังไง หรือ เขาจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขเมื่อไหร่

🐲 ควบคุมไม่ได้ เมื่อมีของที่เราควบคุมไม่ได้อยู่ในระบบของเราความบรรลัยก็จะบังเกิด เพราะ วันดีคืนดีอยู่ๆของพวกนั้นเกิดใช้งานไม่ได้ หรือพฤติกรรมมันเปลี่ยนขึ้นมา ต่อให้โค้ดฝั่งเราเขียนดีแค่ไหนก็ตามก็ย่อมมีผลกระทบตามมา หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นของไกลตัวโปรเจคเราไม่มีของพวกนั้นหรอก งั้นแมวน้ำถามกลับว่า โปรเจคเราได้ใช้ Library ของคนอื่นป่ะ? ซึ่งของพวกนั้นดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่จริงๆมันก็คือของที่เราควบคุมไม่ได้แบบหนึ่งเหมือนกัน ลองศึกษา Case Study ด้านล่างต่อละกันถ้าสนใจ

🔥 แก้ไขปัญหา

เมื่อเรามีของที่เราควบคุมไม่ได้ เราต้องเปลี่ยนเป็นสิ่งที่เราควบคุมได้ก่อน เพราะไม่อย่างนั้นสนุกแน่ ซึ่งการที่เราจะไปควบคุมของอื่นๆมีหลายวิธีเลย ซึ่งวิธีง่ายสุดคือการทำ Wrapper Class โดยเราจะสร้างคลาสขึ้นมาครอบของที่ควบคุมไม่ได้เอาไว้ แล้วเราก็ทำงานกับคลาสตัวนั้นแทนที่จะทำงานกับของที่ควบคุมไม่ได้นั่นเอง ตามรูปด้านล่าง

โดยปรกติ Wrapper Class จะมีหน้าที่เพียงแค่เรื่องเดียวคือควบคุมสิ่งที่มันดูแลอยู่ ดังนั้นเรื่องการจัดการ Web API ทั้ง 2 ตัวนั้น เราก็จะมี Wrapper Class เอาไว้ดูแลมันโดยเฉพาะเลย ตามรูปด้านล่าง

ถัดมาเรื่องการใช้ Web API ทั้ง 2 ตัว แม้ว่ามันจะต่างกันคนละโลกแค่ไหนก็ตาม แต่ถ้าลองคิดดูดีๆเราก็จะพบว่า ของที่เราอยากได้จากมันจริงๆนั้นคือคะแนนการแข่งขันระหว่าง 2 ทีม ดังนั้นจริงๆเราไม่ต้องสนใจด้วยซ้ำว่า API พวกนั้นจะส่ง model หน้าตาแบบไหนกลับมา ขอแค่เราสามารถแปลง model พวกนั้นให้กลายเป็นของที่เราสนใจได้ก็พอ ตามรูปด้านล่าง

ส่วนเรื่องที่ API ทั้ง 2 ตัวมันมีวิธีเรียกใช้ไม่เหมือนกัน ซึ่งถ้าคิดดูดีๆก็จะพบว่า หน้าที่ในการดูแล API มันไปตกอยู่กับพวก Wrapper ดังนั้นหน้าที่ในการจัดการความซับซ้อนของ API เลยเป็นหน้าที่ของ Wrapper จึงทำให้เราเลือกได้เลยว่าเราอยากให้ Wrapper มีหน้าตาเป็นยังไง นั่นเองตามรูป

พอมันกลายเป็นแบบรูปด้านบนปุ๊ป เราก็จะพบว่า Wrapper ของเราไม่มีความต่างละ ดังนั้นเราก็สามารถจัดการมันในรูปแบบของ interface ได้เลย ตามรูปด้านล่าง

ยินดีด้วยในตอนนี้คุณได้ใช้สิ่งที่เรียกว่า Adapter Pattern เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เย่ๆ 👏

🤔 Adapter Pattern คือไย ?

มันคือ แนวคิดในการแก้ปัญหาตอนที่เรามีของ 2 อย่างที่ทำงานร่วมกันไม่ได้หรือทำได้ยาก แต่เราก็อยากให้มันทำงานด้วยกันได้โดยไม่ทำให้โค้ดเราซับซ้อนเกินไป ซึ่งในโลกความเป็นจริงเราก็จะเห็น Adapter Pattern ได้จากที่ชาร์จโทรศัพท์ไง เพราะเครื่องบางยี่ห้อจะรับเฉพาะ Lightning บางยี่ห้อรับเฉพาะ Micro USB บางอันเป็น USB-C ดังนั้นหน้าที่ของ Adapter Pattern ก็คือการแปลง ของที่เข้ากันไม่ได้ ให้ลงรอยกันได้นั่นเอง ตามรูปด้านล่าง

ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เราเจอปัญหาเข้ากันไม่ได้ ให้รู้ได้เลยว่า Adapter Pattern อาจจะเป็นหนึ่งในทางออกของเราก็ได้

💡 หลักในการคิด

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเจอของ 2 อย่างที่มีการทำงานแตกต่างกัน เราก็แค่สร้างมาตรฐานใหม่ที่จะเอามากำกับดูแลของพวกนั้น ให้มันทำงานตรงตามสิ่งที่เราอยากได้ก็พอ ซึ่งในตัวอย่างของเราได้สร้างมาตรฐานใหม่ที่ชื่อว่า IFootballAdapter เอาไว้กำกับดูแลการทำงานของ Web API ทั้งหลายนั่นเอง

หมายเหตุ โดยปรกติตัวมาตรฐานใหม่ที่เราสร้างขึ้นมาเราจะเรียกมันว่า Adapter ส่วนตัวที่ถูก adapter ดูแลอยู่ เราจะเรียกมันว่า Adaptee

🤠 การนำ Adapter ไปใช้งานนั้น สามารถออกแบบได้เยอะมาก ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเหมือกับในตัวอย่าง เช่นการทำ Class Adapter Pattern, Object Adapter Pattern

เกร็ดความรู้ Class Adapter Pattern นั้นถูกออกแบบมาสำหรับภาษาที่รองรับการทำ multi-inheritance ก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภาษาที่ไม่รองรับ multi-inheritance จะทำไม่ได้นะ เพราะเราสามารถทำ implement interface ได้หลายตัว

😎 Perfect Adapter

เมื่อเราสามารถแปลงข้อมูลจากฝั่ง A ไปหาฝั่ง B ได้ ในทฤษฎีของ Adapter Pattern นั้นก็ยังบอกอีกว่า เราก็ควรทำให้เจ้า Adapter สามารถแปลงข้อมูลกลับจากฝั่ง B ไปหาฝั่ง A ได้ด้วยเช่นกัน

🎯 บทสรุป

👍 ข้อดี

การนำ Adapter Pattern มาใช้งานนั้นจะช่วย ลดการผูกกันของโค้ดลง เพราะเราไม่ต้องไปวุ่นวายกับ Concrete class ที่อาจเปลี่ยนแปลงภายหลังได้ แถมจะเพิ่มจะลบ Adapter ตัวไหนก็สามารถทำได้เลยอีกด้วย

👎 ข้อเสีย

เพิ่มความซับซ้อนโดยไม่จำเป็น เพราะการนำ Adapter ไปใช้ จะทำให้เราไม่สามารถทำงานกับ Source ได้ตรงๆ

ข้อควรระวัง อย่านำ Adapter Pattern ไปใช้มั่วซั่ว เพราะมันทำให้โค้ดของเราซับซ้อนขึ้นเยอะเลยแทนที่เราจะเรียกใช้จาก Source ได้ตรงๆ เราจะต้องทำผ่าน Adapter อีกทีหนึ่ง ดังนั้นให้ชั่งน้ำหนักให้ดีเสียก่อนว่าปัญหาที่เราเจออยู่นั้น มันวุ่นวาย เทสยาก โค้ดมันผูกกันอยู่เยอะหรือเปล่า ถ้าชั่งน้ำหนักแล้ว + มีเหตุผลที่เพียงพอที่จะใช้ก็จงใช้ให้สบายใจไปเถิด

Single-Responsibility Principle (SRP) การออกแบบที่ละเมิดหลักในการออกแบบนี้จะทำให้ เวลาที่ Requirement เปลี่ยนมาทีนึง มันก็จมีโอกาสสูงมากที่การเปลี่ยนนั้นมันจะไปกระทบเจ้าสิ่งนั้น ทำให้เราต้องแก้ไขมัน ซึ่งผองเพื่อนอื่นๆที่มันดูแลอยู่นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องเลยก็มีผลกระทบด้วยนั่นเอง ส่วนใครที่ลืมหรืออยากทบทวนเรื่อง SRP สามารถเข้าไปอ่านได้จากลิงค์นี้เบย

Open & Close Principle (OCP) การออกแบบที่ละเมิดหลักในการออกแบบนี้จะทำให้ทุกครั้งที่มีของใหม่ๆถูกเพิ่มเข้าไปปุ๊ป เราก็ต้องไปแก้โค้ดเดิมเสมอ สำหรับใครที่ลืมหลักในการออกแบบเรื่องนี้ไปแล้วให้กดอ่านได้จากตรงนี้

Dependency-Inversion Principle (DIP) การละเมิดกฎข้อนี้จะทำให้ module หลักต้องถูกแก้ไขบ่อยๆ เมื่อตัวที่ทำงานตัวเล็กตัวน้อยมีการเปลี่ยนแปลง แม้จะเปลี่ยนเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม

Case Study มี Library หลายตัวที่แมวน้ำใช้มาหลายปีก็ไม่มีปัญหาอะไร เช่น , แต่พอมาถึงวันนึงที่เราต้องอัพเกรดเวอร์ชั่นปุ๊ป สิ่งที่เกิดขึ้นกับ SimpleInjector นั้นดูเหมือนไม่มีอะไรโค้ด compile ได้ไม่มีปัญหาแต่พฤติกรรมของมันเปลี่ยนไป ทำให้ life-cycle ของแอพผิดปรกติ นั่งหากันยกใหญ่ ส่วนเจ้า SendGrid ก็แสบไม่แพ้กัน พี่แกเล่นลบ core interface หลักทิ้ง แล้วไปขึ้น core interface ใหม่โดยไม่เหลืออันเดิมให้ใช้เลย (ปรกติเขาจะไม่ลบทิ้ง แต่จะใส่ obsolete attribute ไว้) ทำให้เราต้องมานั่งเสียเวลา re-implement ใหม่ หรือ Library บางตัวออกอัพเดทใหม่ก็มี bugs แถมมาด้วย 😒 แต่ทั้งหมดจะไปโทษเขาก็ไม่ได้หรอก เราในฐานะ Developer ต้องตรวจของที่จะเอามาใช้งานใน production ก่อนเสมอแหละ (อย่าให้ผู้ใช้มาเป็นเทสเตอร์ให้เราเลย 😂)

Design Pattern ที่มีลักษณะเป็น Wrapper Class มีหลายตัวเลย เช่น , Decorator ลองไปศึกษาต่อได้

🤠 จากที่ว่ามาทั้งหมดปัญหาเรื่อง เวลาของที่เราควบคุมไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง มันก็จะกระทบแค่ Wrapper ที่ดูแลสิ่งนั้นอยู่เท่านั้น เพราะตัว Wrapper รับผิดชอบการดูแลไปแล้วนั่นเอง ซึ่งก็จะตรงกับกฎของ เรียบร้อย

🤠 หรือเราจะไปดึงข้อมูลจาก Web API อื่นๆ โค้ดเดิมก็ไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะเราก็แค่เพิ่ม Adapter ตัวใหม่เข้าไป ซึ่งตรงกับกฎของ เรียบร้อย

🤠 และสุดท้ายต่อให้เราจะเลิกใช้ Web API ตัวไหนไป หรือเรามีการแก้ไข Web API นิดๆหน่อยก็จะไม่มีผลกระทบกับ module หลักที่เรียกใช้ Adapter เหล่านี้แล้ว ซึ่งก็ตรงกับกฎ เช่นกัลล์

เกลียด ชอบ ถูกใจ อยากติดตาม อยากติชมแนะนำด่าทอ หรืออะไรก็แล้วแต่ (ห้ามมายืมเงิน) จิ้มลงมาที่เพจนี้ได้เลย และจะเป็นประคุณอันล้นพ้นถ้ากด Like + Follow + Share ให้ด้วยขอรับ น้ำตาจิไหล 🥺

👦
🧱
🔌
Single-Responsibility Principle
Open & Close Principle
Dependency-Inversion Principle
SimpleInjector
SendGrid
Proxy
Single-Responsibility Principle
Open & Close Principle
Dependency-Inversion Principle
Mr.Saladpuk
🧱 Structural Patterns
👦 Design Patterns
Object Adapter Pattern (Wikipedia)
Class adapter Pattern (Wikipedia)
ส่งข้อมูลไปกลับได้ทั้ง 2 ฝั่ง
ช่องทางสนับสนุนค่าอาหารแมวน้ำกั๊ฟ 😘